สรุปเรื่องการออกเสียงของ past tense verb ที่ลงท้ายด้วย -ed

fResult
2 min readMay 13, 2023

--

Photo by Jason Rosewell on Unsplash

ในภาษาอังกฤษ เรามักจะเจอ past form สำหรับ verb จำนวนมาก
ที่ต้องลงท้ายด้วย -ed ซึ่งโดยปกติแล้วคนไทยอย่างเราๆ คงออกเสียง เอ็ด กันใช่ไหมฮะ ตัวอย่างเช่น

  • looked อ่านว่า ลุคเข็ด
  • danced อ่านว่า แด๊นเซ็ด
  • quited อ่านว่า ไควเอ็ทเถ็ด

แบบนี้คือผิดนะครับ ❌

เอาล่ะ เอาใหม่ๆ

พอดีว่าวันนี้ครูต่างชาติที่เป็น Native English Speaker ชาวอเมริกันได้สอนวิธีการออกเสียงคำกริยาใดๆ ที่ลงท้ายด้วย -ed ไว้ดังนี้ครับ

คำกริยาที่ลงท้ายด้วย -ed ออกเสียงได้ 3 แบบ

  1. /t/ sound หรือ เสียง T (ออกเสียงว่า ถึ)
  2. /d/ sound หรือเสียง D (ออกเสียงว่า ดึ)
  3. /id/ sound หรือเสียง ID (ออกเสียงว่า อิด)

แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าเราจะต้องออกเสียง /t/, /d/, หรือ /id/?
อดใจไว้…เพราะคำตอบกำลังมาแล้วครับ

เกณฑ์ที่ใช้เพื่อแบ่งว่าจะออกเสียง /t/, /d/, หรือ /id/ เมื่อใด

เราแบ่งได้ด้วยเสียงนั่นเอง โดยที่ …

/t/ sound

ใช้กับคำกริยาที่ลงท้ายเสียงของ Syllable (พยางค์) สุดท้ายด้วย unvoiced sound ซึ่งคือเสียงที่มีแต่ลมออกมา เช่น

เสียง “K”, “P”, “S”, “Ch”, “Sh”, และ “F”

นอกจากจะมีแต่ลมออกมาแล้ว ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ กล่องเสียงในคอของเราจะไม่ไม่มีการสั่น เมื่อเรานำมือไปทาบไว้ที่คอครับ

ตัวอย่างคำที่ออกเสียงด้วย /t/ sound ได้แก่

  • walked walk/t/ (อ่านว่า วอล์ค-ถึ)
  • croped crop/t/ (อ่านว่า ครอพ-ถึ)
  • passed → pass/t/ (อ่านว่า พาส-ถึ)
  • patched → patch/t/ (อ่านว่า แพทช-ถึ)
  • push → push/t/ (อ่านว่า พุช-ถึ)
  • laughed → laf/t/ (อ่านว่า แลฟ-ถึ)

/d/ sound

ใช้กับคำกริยาที่ลงท้ายเสียงของ Syllable (พยางค์) สุดท้ายด้วย voiced sound โดยที่ voiced sound นี้มีข้อสังเกตง่ายๆ คือกล่องเสียงของเราจะสั่นเมื่อออกเสียงเหล่านี้ เช่น

เสียง “L”, “V”, “N”, “B”, “G”, “Z”, และเสียงสระ (“A”, “E”, “I”, “O”, “U”)

ตัวอย่างคำที่ออกเสียงด้วย /d/ sound ได้แก่

  • cancelled → cancel/d/ (อ่านว่า แคนเซิล-ดึ)
  • loved → love/d/ (อ่านว่า เลิฟ-ดึ)
    (คนที่เคยฝึกออกเสียง v มาบ้าง จะรู้ว่ามันไม่ใช่แค่เสียง ฟ.ฟันฮะะ แต่ที่จริงแล้วมันมีเสียงอื่นผสมอยู่ด้วย ส่งผลให้กล่องเสียงสั่นเวลาที่ออกเสียงที่สะกดด้วยตัว “V”)
  • opened → open/d/ (อ่านว่า โอเพ่น-ดึ)
  • scrubed → scrub/d/ (อ่านว่า สครับ-ดึ)
  • jogged → jog/d/ (อ่านว่า จ็อก-ดึ)
  • amazed → amaze/d/ (อ่านว่า อเมซ-ดึ)
    (เสียง z จะต่างจากเสียง s โดยที่เสียง z จะเกิดการสั่นของกล่องเสียง ในขณะที่เสียง s ไม่มีการสั่นของกล่องเสียงครับ)
  • pleased → please/d/ (อ่านว่า พลีซ-ดึ)
    (เสียงลงท้ายของ please แท้จริงแล้วเป็นเสียง z ฮะะ)
  • stayed → stae/d/ (อ่านว่า สเต-ดึ)
  • studied → studee/d/ (อ่านว่า สตั๊ดดี-ดึ)
    เนื่องจากลงท้ายด้วยเสียง e
  • followed → follo/d/ (อ่านว่า โฟลโล-ดึ)

/id/ sound

ใช้กับคำกริยาที่มีเสียงของตัวสะกดสุดท้ายเป็นเสียง “T”, หรือ “D”
ซึ่งเราจะต้องเพิ่มพยางค์หรือ syllable ในการออกเสียงขึ้นมาอีก 1 พยางค์เพื่อออกเสียง t/id/ (ถิด) หรือ d/id/ (ดิด) นั่นเอง

ตัวอย่างคำที่ออกเสียงด้วย /d/ sound ได้แก่

  • acted → act/id/ (อ่านว่า (แอค-ถิด)
  • needed → need/id/ (อ่านว่า นี้ด-ดิด)

ตัวอย่างของการออกเสียงให้กับคำกริยาที่ลงท้ายด้วยการเติม -ed ก็มีมาประมาณเท่านี้ครับ ที่เหลือก็แค่ต้องฝึกใช้งานจนคุ้นชินเท่านั้นเอง
(ผมต้องบอกตัวเองเยอะๆ เลยแหละ 55555)

สรุป

คำกริยาที่ในรูปอดีตที่ลงท้ายด้วย -ed สามารถออกเสียงได้ 3 แบบ คือ /t/, /d/, และ /id/ โดยมีเกณฑ์ในการเลือกใช้เสียงจากการสังเกตเสียงที่ทำให้เกิด/ไม่เกิดการสั่นสะเทือนในกล่องเสียงครับ

  • เสียงที่ไม่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในกล่องเสียง เราใช้ /t/ sound
  • เสียงที่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในกล่องเสียง เราใช้ /d/ sound
  • และเสียงที่ลงท้ายด้วย “T” หรือ “D” เราจะใช้ /id/ sound

และทั้งหมดนี้ก็คือแนวทางในการฝึกออกเสียงคำกริยาที่ลงท้ายด้วย -ed นั่นเองครับ

ตอนนี้ขอตัวล่ะนะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันครับ

Feel free to connect with me and stay updated on the latest insights and discussions.
👉 https://linkedin.com/in/fResult 👈

--

--

fResult
fResult

Written by fResult

ชื่อเล่นว่ากร เขามี background มาจากอาชีพเด็กวิ่งเอกสารในอาคารของธนาคาร โดยเรียนไปด้วยจนจบจากมหาลัยเปิดแห่งหนึ่ง และปัจจุบันทำงานเป็น Web Developer ครับทั่นน

No responses yet