ในภาษาอังกฤษ เรามักจะเจอ past form สำหรับ verb จำนวนมาก
ที่ต้องลงท้ายด้วย -ed ซึ่งโดยปกติแล้วคนไทยอย่างเราๆ คงออกเสียง เอ็ด กันใช่ไหมฮะ ตัวอย่างเช่น
- looked อ่านว่า ลุคเข็ด
- danced อ่านว่า แด๊นเซ็ด
- quited อ่านว่า ไควเอ็ทเถ็ด
แบบนี้คือผิดนะครับ ❌
เอาล่ะ เอาใหม่ๆ
พอดีว่าวันนี้ครูต่างชาติที่เป็น Native English Speaker ชาวอเมริกันได้สอนวิธีการออกเสียงคำกริยาใดๆ ที่ลงท้ายด้วย -ed ไว้ดังนี้ครับ
คำกริยาที่ลงท้ายด้วย -ed ออกเสียงได้ 3 แบบ
- /t/ sound หรือ เสียง T (ออกเสียงว่า ถึ)
- /d/ sound หรือเสียง D (ออกเสียงว่า ดึ)
- /id/ sound หรือเสียง ID (ออกเสียงว่า อิด)
แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าเราจะต้องออกเสียง /t/, /d/, หรือ /id/?
อดใจไว้…เพราะคำตอบกำลังมาแล้วครับ
เกณฑ์ที่ใช้เพื่อแบ่งว่าจะออกเสียง /t/, /d/, หรือ /id/ เมื่อใด
เราแบ่งได้ด้วยเสียงนั่นเอง โดยที่ …
/t/ sound
ใช้กับคำกริยาที่ลงท้ายเสียงของ Syllable (พยางค์) สุดท้ายด้วย unvoiced sound ซึ่งคือเสียงที่มีแต่ลมออกมา เช่น
เสียง “K”, “P”, “S”, “Ch”, “Sh”, และ “F”
นอกจากจะมีแต่ลมออกมาแล้ว ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ กล่องเสียงในคอของเราจะไม่ไม่มีการสั่น เมื่อเรานำมือไปทาบไว้ที่คอครับ
ตัวอย่างคำที่ออกเสียงด้วย /t/ sound ได้แก่
- walked → walk/t/ (อ่านว่า วอล์ค-ถึ)
- croped → crop/t/ (อ่านว่า ครอพ-ถึ)
- passed → pass/t/ (อ่านว่า พาส-ถึ)
- patched → patch/t/ (อ่านว่า แพทช-ถึ)
- push → push/t/ (อ่านว่า พุช-ถึ)
- laughed → laf/t/ (อ่านว่า แลฟ-ถึ)
/d/ sound
ใช้กับคำกริยาที่ลงท้ายเสียงของ Syllable (พยางค์) สุดท้ายด้วย voiced sound โดยที่ voiced sound นี้มีข้อสังเกตง่ายๆ คือกล่องเสียงของเราจะสั่นเมื่อออกเสียงเหล่านี้ เช่น
เสียง “L”, “V”, “N”, “B”, “G”, “Z”, และเสียงสระ (“A”, “E”, “I”, “O”, “U”)
ตัวอย่างคำที่ออกเสียงด้วย /d/ sound ได้แก่
- cancelled → cancel/d/ (อ่านว่า แคนเซิล-ดึ)
- loved → love/d/ (อ่านว่า เลิฟ-ดึ)
(คนที่เคยฝึกออกเสียง v มาบ้าง จะรู้ว่ามันไม่ใช่แค่เสียง ฟ.ฟันฮะะ แต่ที่จริงแล้วมันมีเสียงอื่นผสมอยู่ด้วย ส่งผลให้กล่องเสียงสั่นเวลาที่ออกเสียงที่สะกดด้วยตัว “V”) - opened → open/d/ (อ่านว่า โอเพ่น-ดึ)
- scrubed → scrub/d/ (อ่านว่า สครับ-ดึ)
- jogged → jog/d/ (อ่านว่า จ็อก-ดึ)
- amazed → amaze/d/ (อ่านว่า อเมซ-ดึ)
(เสียง z จะต่างจากเสียง s โดยที่เสียง z จะเกิดการสั่นของกล่องเสียง ในขณะที่เสียง s ไม่มีการสั่นของกล่องเสียงครับ) - pleased → please/d/ (อ่านว่า พลีซ-ดึ)
(เสียงลงท้ายของ please แท้จริงแล้วเป็นเสียง z ฮะะ) - stayed → stae/d/ (อ่านว่า สเต-ดึ)
- studied → studee/d/ (อ่านว่า สตั๊ดดี-ดึ)
เนื่องจากลงท้ายด้วยเสียง e - followed → follo/d/ (อ่านว่า โฟลโล-ดึ)
/id/ sound
ใช้กับคำกริยาที่มีเสียงของตัวสะกดสุดท้ายเป็นเสียง “T”, หรือ “D”
ซึ่งเราจะต้องเพิ่มพยางค์หรือ syllable ในการออกเสียงขึ้นมาอีก 1 พยางค์เพื่อออกเสียง t/id/ (ถิด) หรือ d/id/ (ดิด) นั่นเอง
ตัวอย่างคำที่ออกเสียงด้วย /d/ sound ได้แก่
- acted → act/id/ (อ่านว่า (แอค-ถิด)
- needed → need/id/ (อ่านว่า นี้ด-ดิด)
ตัวอย่างของการออกเสียงให้กับคำกริยาที่ลงท้ายด้วยการเติม -ed ก็มีมาประมาณเท่านี้ครับ ที่เหลือก็แค่ต้องฝึกใช้งานจนคุ้นชินเท่านั้นเอง
(ผมต้องบอกตัวเองเยอะๆ เลยแหละ 55555)
สรุป
คำกริยาที่ในรูปอดีตที่ลงท้ายด้วย -ed สามารถออกเสียงได้ 3 แบบ คือ /t/, /d/, และ /id/ โดยมีเกณฑ์ในการเลือกใช้เสียงจากการสังเกตเสียงที่ทำให้เกิด/ไม่เกิดการสั่นสะเทือนในกล่องเสียงครับ
- เสียงที่ไม่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในกล่องเสียง เราใช้ /t/ sound
- เสียงที่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในกล่องเสียง เราใช้ /d/ sound
- และเสียงที่ลงท้ายด้วย “T” หรือ “D” เราจะใช้ /id/ sound
และทั้งหมดนี้ก็คือแนวทางในการฝึกออกเสียงคำกริยาที่ลงท้ายด้วย -ed นั่นเองครับ
ตอนนี้ขอตัวล่ะนะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันครับ
Feel free to connect with me and stay updated on the latest insights and discussions.
👉 https://linkedin.com/in/fResult 👈